เทคนิคการทำข้อสอบโดยสุจริต
สิ่งที่คำนึงถึงในเวลาใกล้จะสอบคือ การอ่านหนังสือ และ การทบทวนบทเรียนเก่าๆ เราควรเตรียมตัวอ่านหนังสืิอ ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนสอบ แล้วพอถึงวันที่จะสอบ เราก็ทบทวนนิดๆหน่อยๆ แล้วนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
เทคนิคการทำข้อสอบ
1. ตัดช้อยส์ : ตัดตัวเลือกที่ไม่ถูกหรือไม่ใช่แน่ๆออกไปก่อน แล้วมาหาข้อที่ถูก
2. ไม่มีข้อใดถูก มักเป็นตัวเลือกหลอก : ถ้ามีช้อยส์นี้ข้อมาให้ตัดออกไปได้เลย เพราะการคิดช้อยส์ให้ผิดยากกว่าคิดช้อยส์ให้ถูก
3. คำตอบท่แย้งกันเอง มักจะมีข้อใดข้อหนึ่งถูก : ลองสวมบทบาทคนออกข้อสอบดู เมื่อใส่คำตอบที่ถูกต้องไปแล้ว พอคิดคำตอบที่ผิดขึ้นมาก็มักจะสร้างคำตอบที่ตรงกันไว้ก่อน เรียกว่า เป็นช้อยส์คู่ขนาน
4. ช้อยส์ที่มีความหมายเหมือกัน ตัดทิ้งเลย : ช้อยส์ที่มีเนื้อหาเหมือนกันให้ตัดทิ้ง
5. ข้อที่ทำไม่ได้ ให้ข้ามไปก่อน : หากข้อนั้นทำไม่ได้จริงๆ ให้ข้ามไปทำข้ออื่นก่อน
6. ทิ้งดิ่ง : เมื่อขอที่เหลือไม่สามารถต้ดช้อยส์ได้ ให้ทิ้งดิ่ง โดยมีหลักการทิ้งดิ่งว่า ต้องเป็นข้อที่มีคำตอบน้อยที่สุด
แนวทางการประกอบอาชีพในอนาคต
“การเลือกทางศึกษาต่อขอให้คิด อย่าหลงผิดตามเพื่อนหนอเป็นข้อใหญ่
ควรคำนึงถึงปัญญาทุกท่านไป ว่าทางไหนเราถนัดจัดว่าดี
อีกทั้งความสนใจและความชอบ จะประกอบให้เราเด่นเป็นศักดิ์ศรี
ทั้งเรื่องทุนการศึกษาปัญหามี ทั้งหมดนี้ควรวิเคราะห์ให้เหมาะเอย”
แนวทางการประกอบอาชีพ
1. ต้องรู้จักตนเอง : ความชอบหรือความสนใจ = ในการเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง เราควรนำเอาผลการสำรวจในด้านต่าง ๆ มาประมวลเพื่อประกอบการพิจารณา เช่น มีบุคลิกภาพแบบใด ความสามารถด้านใด ชอบทำกิจกรรมอะไร สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราพิจารณาตนเองได้ว่าเราควรประกอบอาชีพอะไร
ความถนัด = การที่บุคคลจะวางแผนในอนาคตได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับตัวเองได้นั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญคือบุคคลต้องรู้จักความถนัดของตนเอง ทุกคนมีความถนัดในแต่ละด้านแตกต่างกันไป เมื่อเราทำสิ่งใดได้ดีก็จะทำให้เรามีความสุข และเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง
สติปัญญาและความสามารถ = การที่จะดูว่าสติปัญญาหรือความสามารถดีไม่ดี อาจดูได้จากระดับคะแนนหรือผลการเรียนที่ผ่านมาในสมุดรายงานประจำตัวนักเรียนดูว่าในแต่ละวิชาที่สอบไปแล้วได้ระดับคะแนนหรือผลการเรียนเป็นอย่างไร ถ้าได้ระดับการเรียนหรือผลการเรียนในวิชานั้นสูง ก็แสดงว่าระดับสติปัญญาหรือความสามารถในการเรียนวิชานั้นสูง
ค่านิยม = การที่บุคคลจะวางแผนอนาคตได้อย่างถูกต้องกับเหมาะสมกับตนเองได้นั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญมากก็คือ ต้องรู้ค่านิยมในงานที่ตนยึดไว้เป็นหลักสำคัญ
รูปร่างและลักษณะของร่างกาย = สถานศึกษาหลายแห่งกำหนดคุณสมบัติเกี่ยวกับรูปร่าง และลักษณะของทางร่างกายไว้ด้วย
เป้าหมายในอนาคต = ควรตั้งเป้าหมายในอนาคตว่าต้องการประกอบอาชีพใด เพื่อจะได้ศึกษาต่อในสาขาวิชาที่สอดคล้องกับอาชีพที่นักเรียนสนใจ มีความถนัดและสอดคล้องกับบุคลิกภาพของตน
ผู้ปกครอง = การที่นักเรียนจะเลือกศึกษาต่อหรือประกอบอาชีพ ควรขอคำปรึกษาจากบิดา มารดา เสียก่อน เพื่อช่วยชี้แนะแนวทางให้เราตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
2. ต้องรู้จักสิ่งแวดล้อม : ต้องรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ศึกษาต่อว่า ที่ตั้งระยะทางไป-กลับระหว่างที่พักกับสถานศึกษา ระเบียบการ หลักสูตร คุณสมบัติที่ต้องการ สวัสิการ ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร หรือข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ ลักษณะงาน และอาชีพดังกล่าวในอนาคตอันเป็นใกล้เป็นที่ต้องการของการตลาดมากน้อยเพียงใด
โตขึ้นอยากเป็น มิเดียอาตส์-ออกแบบกราฟฟิก
แหล่งอ้างอิง
- http://www.unigang.com/Article/163
- https://www.wegointer.com/2014/09/exam-16/
เนื้อหาดีมากค้าาาาาา
ตอบลบเทคนิคเจ๋งงสุดๆๆ
ตอบลบสุดยอด
ตอบลบงานมีความน่าสนใจมากค่ะ
ตอบลบมีมากค่ะ
ตอบลบ